Origin
We 've been stuck on what to do , send pictures and the audio out to a place far away and be able to recognize the image and voice of a messenger to announce to the destination . Exposure time to get to know each other very fast from the record in that Television Technology Demystified is the beginning of television occurred in 2416 by the Irish Leonard May Telegraph staff . Selenium compounds have been discovered that has the ability to convert solar energy into electrical energy , causing the idea . Change the video signal into an electrical signal. Therefore origin for Paul New Glasgow (Paul Nipkow) German scientists . The collection of scientific knowledge in various fields to create. The images on the screen to get to Paul's use of the New Glasgow scanning system rotating plate , which he called New Glasgow disk.
จุดกำเนิด
คนเราเคยติดว่าจะทำอย่างไรให้ส่งภาพพร้อมเสียงออกไปในยังสถานที่ที่ ห่างไกลได้ และให้คนสามารถรับรู้ถึงภาพและเสียงที่ผู้ส่งสารต้องการประกาศให้ปลายทางคน รับสารได้รับรู้คราวละมากๆอย่างรวดเร็ว จากบันทึกใน Television Technology Demystified ได้ระบุว่าการเริ่มต้นของโทรทัศน์เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2416 จากการที่ Leonard May พนักงานโทรเลขชาวไอริช ได้ค้นพบสารเซเลเนียมที่มีคุณสมบัติในการเปลี่ยนพลังงานแสงให้เป็นพลังงาน ไฟฟ้า ทำให้เกิดความคิดในการ เปลี่ยนสัญญาณภาพให้เป็นสัญญาณทางไฟฟ้า จึงเป็นต้นกำเนิดให้ พอล นิพโกว์ (Paul Nipkow) นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ทำการรวบรวมเอาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ในแขนงต่างๆมาสร้าง ให้เกิดภาพบนจอรับได้ วิธีการของ พอล นิพโกว์ ใช้หลักการสแกนภาพที่ใช้ระบบจานหมุนซึ่งเขาเรียกมันว่าจาน นิพโกวดิสก์
นาย Paul Nipkow
Then you New Glasgow disk. What is it ?
New Gow disc is a circular plate by drilling small holes around broadcasting how Paul New Glasgow used in the experiment was . He will rotate at a high speed circular plates . The light can pass through the small drilled out. And converted into an electrical current to the plate with the blade rotating speed. Relative to the first plate . Before electricity , it will be converted back into the picture again , and it appears on the screen of the receiver itself, this principle was later adapted in the transmission of television signals .
But that the invention of Paul, New York City , it did not achieve all Although he can be fabricated to transfer images and sounds , it 's true . Nevertheless, I still can not get far in the distance anyway. Because of a limitation in the media at that time. The transmitter is not expanding enough to signal far enough.
New Gow disc is a circular plate by drilling small holes around broadcasting how Paul New Glasgow used in the experiment was . He will rotate at a high speed circular plates . The light can pass through the small drilled out. And converted into an electrical current to the plate with the blade rotating speed. Relative to the first plate . Before electricity , it will be converted back into the picture again , and it appears on the screen of the receiver itself, this principle was later adapted in the transmission of television signals .
But that the invention of Paul, New York City , it did not achieve all Although he can be fabricated to transfer images and sounds , it 's true . Nevertheless, I still can not get far in the distance anyway. Because of a limitation in the media at that time. The transmitter is not expanding enough to signal far enough.
แล้วเจ้านิพโกวดิสก์ เป็นคืออะไรล่ะ ???
นิพโกวดิสก์ มีลักษณะเป็นจานกลมที่เจาะรูเล็กๆ ไว้โดยรอบ วิธีการแพร่ภาพที่ พอล นิพโกว์ นำมาใช้ในการทดลองของเขาคือ เขาจะทำการหมุนจานกลมด้วยความเร็วสูง แสงที่กระทบจะสามารถลอดผ่านจุดเล็กๆที่เจาะไว้ออกมาได้ และถูกแปลงให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้าไปยังจานรับอีกใบที่กำลังหมุนด้วยความเร็ว ที่สัมพันธ์กันกับจานใบแรก ก่อนที่กระแสไฟฟ้าดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนกลับเป็นภาพอีกทีและปรากฏลงบนจอของ เครื่องรับ หลักการนี้เองที่ต่อมาถูกนำมาดัดแปลงในการส่งคลื่นสัญญาณของโทรทัศน์
แต่ ว่าการคิดค้นของ พอล นิพโกว ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายทั้งหมด แม้ว่าเขาจะสามารถประดิษฐ์เครื่องรับส่งภาพและเสียงได้ก็จริงอยู่ แต่ว่าก็ยังไม่สามารถส่งได้ในระยะทางที่ไกลๆอยู่ดี เพราะเนื่องจากมีข้อจำกัดในการสื่อการสมัยนั้น ที่เครื่องส่งยังมีกำลังขยายไม่มากพอที่จะทำให้ส่งสัญญาณไกลๆนั่นเอง
นิพโกวดิสก์ มีลักษณะเป็นจานกลมที่เจาะรูเล็กๆ ไว้โดยรอบ วิธีการแพร่ภาพที่ พอล นิพโกว์ นำมาใช้ในการทดลองของเขาคือ เขาจะทำการหมุนจานกลมด้วยความเร็วสูง แสงที่กระทบจะสามารถลอดผ่านจุดเล็กๆที่เจาะไว้ออกมาได้ และถูกแปลงให้กลายเป็นกระแสไฟฟ้าไปยังจานรับอีกใบที่กำลังหมุนด้วยความเร็ว ที่สัมพันธ์กันกับจานใบแรก ก่อนที่กระแสไฟฟ้าดังกล่าวจะถูกเปลี่ยนกลับเป็นภาพอีกทีและปรากฏลงบนจอของ เครื่องรับ หลักการนี้เองที่ต่อมาถูกนำมาดัดแปลงในการส่งคลื่นสัญญาณของโทรทัศน์
แต่ ว่าการคิดค้นของ พอล นิพโกว ก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายทั้งหมด แม้ว่าเขาจะสามารถประดิษฐ์เครื่องรับส่งภาพและเสียงได้ก็จริงอยู่ แต่ว่าก็ยังไม่สามารถส่งได้ในระยะทางที่ไกลๆอยู่ดี เพราะเนื่องจากมีข้อจำกัดในการสื่อการสมัยนั้น ที่เครื่องส่งยังมีกำลังขยายไม่มากพอที่จะทำให้ส่งสัญญาณไกลๆนั่นเอง
รูปร่างหน้าตาของ เจ้า Nipkow Disk
After painstaking efforts of Paul, who produced the video and audio signal successfully. Was a scientist in Scotland named John Baird knowledge of Paul further developed into a television series of mechanisms to John Baird experimented signaling monochrome with a resolution of 30 line scan. vertically at a speed of 5 frames per second. (Those days it was considered then) after that John Baird was an experiment and improve his research continued until he was satisfied. Open a demo. The people of London have been watching television in his craft. Which in turn had received it as well.
รูปแสดงกลไกการทำงานของโทรทัศน์ในสมัยนั้น
ภาพที่ได้จากโทรทัศน์สมัยนั้น (No Comment ครับ --)
Yes, that way the British television series, this is the only one country. At the same time I did not like the American way . Was conducted through electronic television system . But then, in about the same time . There are two different American scientists claim to have discovered that he is . This kind of technology before Philomena van between Tamworth and Vladimir brightness Arriva agreed not eat when they had to rely on the court 's Who . Who invented the first electronic TV anyway. The Court has ruled that Stephan Worth ultimately winning and patent acquisition . Because the high school teachers to court evidence that he had painted the picture output mechanism . As a student television show . The court ruled that he was the first to think of this technology and the patent is . In his possession ( I said it a lot) , but I do not give up easily brightness Florida . He has to work with . RCA makes president Smirnov Tsar Tsar North Vary Karlsruhe with edible develop electronic television system in the year 1920 itself.
ใช่ ว่าทางฝ่ายอังกฤษจะมีโทรทัศน์แบบนี้ใช้อยู่เพียงประเทศเดียว ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายอเมริกาก็ไม่ยอมน้อยหน้า เมื่อได้ทำการทดลองส่งผ่านโทรทัศน์ในระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่แล้วในเวลาที่ไล่เลี่ยกัน มีนักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันสองท่านที่ต่างออกมากล่าวอ้างว่าตนเป็นคนค้นพบ เทคโนโลยีชนิดนี้ก่อนกัน ระหว่าง ฟิโล ฟานเวิร์ท และ วลาดิเมีย สวอริกิน เมื่อตกลงกันไม่ได้ทั้งสองจึงต้องพึ่งอำนาจศาลว่าใครกัน ที่เป็นบุคคลแรกของการคิดค้นโทรทัศน์ระบบอิเล็กทรอนิกส์กันแน่ ศาลได้วินิจฉัยให้ฟานเวิร์ทชนะและได้สิทธิบัตรไปครอบครองในที่สุด เพราะตอนขึ้นศาลครูมัธยมเอาหลักฐานภาพที่เขาเคยวาดกลไกการส่งสัญญาณภาพ โทรทัศน์สมัยเป็นนักเรียนมาแสดง ทำให้ศาลตัดสินว่าเขาเป็นผู้ที่คิดเทคโนโลยีนี้ได้ก่อนและให้สิทธิบัตรอยู่ ในครอบครองของเขา (ฮ่าๆ นายแน่มาก) แต่ว่าสวอริกินไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาได้ไปร่วมมือกับ ซาร์นอฟประธานบริษัท RCA ทำให้ซาร์นอฟฟ์กับสวารีกินได้ร่วมมือกันพัฒนาระบบโทรทัศน์แบบอิเล็กทรอนิกส์ ในปี 1920 นั่นเอง
สิ่งที่ทำให้นาย ซาร์นอฟชนะคดีครับ
สงสัยล่ะซิ ว่าเจ้า โทรทัศน์ระบบอิเล็กทรอนิกส์ทำงานอย่างไร
The electronic television. Unlike mechanism. I do not use a rotating disc (saying name) but the equipment is important. Electron gun. To the transmitter and receiver and radio tube that serves light and let light into electrical waves. Work it is. Transmission electron gun and shoot to capture images as small light. Instead of using a rotating disk. Tube radio that is sensitive to light exposure is converted into electrical waves sent by radio waves. When it reaches the receiver. Electron gun to scan the image into the surface of the screen. Make sure that the images appear.
การทำงานของโทรทัศน์ระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะต่างจากระบบกลไก ตรงที่ไม่ได้ใช้จานหมุนๆ(ชื่อก็บอกแล้ว) แต่มีอุปกรณ์สำคัญคือ ปืนอิเล็กตรอน ที่จะอยู่ในเครื่องส่งและเครื่องรับ และ หลอดวิทยุที่ทำหน้าที่รับแสงและปล่อยแสงออกมาเป็นคลื่นไฟฟ้า การทำงานนั้นก็คือ ปืนอิเล็กตรอนในเครื่องส่งจะจับภาพและยิงภาพออกเป็นแสงเล็กๆ แทนที่จะใช้จานหมุน หลอดวิทยุที่มีความไวต่อการรับแสงจะแปลงแสงให้กลายเป็นคลื่นไฟฟ้า แล้วส่ง ไปตามคลื่นวิทยุ เมื่อไปถึงเครื่องรับ ปืนอิเล็กตรอนจะแสกนสัญญาณภาพที่ได้มาลงที่ผิวหลังของจอรับภาพ ทำให้เกิดภาพปรากฏขึ้นได้ นั่นเองครับ
The electronic television. Unlike mechanism. I do not use a rotating disc (saying name) but the equipment is important. Electron gun. To the transmitter and receiver and radio tube that serves light and let light into electrical waves. Work it is. Transmission electron gun and shoot to capture images as small light. Instead of using a rotating disk. Tube radio that is sensitive to light exposure is converted into electrical waves sent by radio waves. When it reaches the receiver. Electron gun to scan the image into the surface of the screen. Make sure that the images appear.
การทำงานของโทรทัศน์ระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะต่างจากระบบกลไก ตรงที่ไม่ได้ใช้จานหมุนๆ(ชื่อก็บอกแล้ว) แต่มีอุปกรณ์สำคัญคือ ปืนอิเล็กตรอน ที่จะอยู่ในเครื่องส่งและเครื่องรับ และ หลอดวิทยุที่ทำหน้าที่รับแสงและปล่อยแสงออกมาเป็นคลื่นไฟฟ้า การทำงานนั้นก็คือ ปืนอิเล็กตรอนในเครื่องส่งจะจับภาพและยิงภาพออกเป็นแสงเล็กๆ แทนที่จะใช้จานหมุน หลอดวิทยุที่มีความไวต่อการรับแสงจะแปลงแสงให้กลายเป็นคลื่นไฟฟ้า แล้วส่ง ไปตามคลื่นวิทยุ เมื่อไปถึงเครื่องรับ ปืนอิเล็กตรอนจะแสกนสัญญาณภาพที่ได้มาลงที่ผิวหลังของจอรับภาพ ทำให้เกิดภาพปรากฏขึ้นได้ นั่นเองครับ
หน้าตาของโทรทัศน์ระบบอิเล็กทรอนิกส์
Because the goal of having the TV to send audio and video signals to a distance. In quick time. Sure, a picture - white, black, it does not fully meet the targets. (See my preview that came out), it has developed a CRT picture tube in 1950 to have the ability to display color images, achieving goals set by the FCC replaced the old black and white television itself.
เนื่อง จาก เป้าหมายของการมีโทรทัศน์คือว่าต้องการส่งสัญญาณภาพและเสียงไปยังที่ไกลๆให้ ได้ในเวลาที่รวดเร็ว แน่นอนว่าการส่งภาพแบบ ขาว-ดำ มันไม่สามารถตอบโจทย์เป้าหมายได้อย่างสมบูรณ์นัก (ลองดูภาพตัวอย่างที่ผ่านๆมาซิครับ) จึงมีการพัฒนาหลอดภาพแบบ CRT ในปี 1950 ให้มีความสามารถแสดงภาพสีได้บรรลุตามเป้าหมายที่ตั้งไว้บนมาตรฐาน FCC แทนที่โทรทัศน์ ขาวดำ แบบเก่านั่นเอง
ภาพตัวอย่างแสดงการทำงานของ CRT
So to color television, it is the sequel to the black and white television to color the work of three colors: red, green , blue, RGB color , it was the third shot of the beam . Electron gas caused by electrical stimulation of the vacuum tube to hit the scene. Coated with photoresist type phosphorus (Tube ) by blending the Shadows Mask is the metal with small holes. Used to determine the optical electron is fired correctly and accurately the distance between the holes is called Dot Pitch , in which holes are phosphorus compounds put together a 3-point third angle of each point . the color is the primary color red , green and blue dots , each of which is called the Triad Trinitron monitor that will work the same but different. Not known, but the metal is to be used. Metal is stretched across a small strip to the vertical so that the electron is incident on the surface with a phosphorus compound, but it also has a lot more restrictions on the size of the display. The development of the Trinitron picture tube, the current has been developed to a flat screen , which is referred to as the FD Trinitron (Flat Display Trinitron) , which replaced the CRT picture tube eventually.
จะว่าไปแล้ว โทรทัศน์สีมันก็คือภาคต่อของโทรทัศน์ขาวดำโดยอาศัยหลักการของการผสมสี 3 สีคือ แดง เขียว น้ำเงิน RGB โดยสีทั้ง 3 มันก็เกิดจากการยิงลำแสง อิเลคตรอนที่เกิดจากการกระตุ้นก๊าซด้วยไฟฟ้าในหลอดสุญญากาศไปกระทบกับฉากที่ ฉาบด้วยสารไวแสงประเภทฟอสฟอรัส (หลอดภาพ) โดยหลักการการผสมสีแบบ Shadows Mask จะมีการนำโลหะที่มีรูเล็กๆ มาใช้ในการกำหนดให้แสงอิเล็กตรอนนั้นยิงมาได้ถูกต้อง และแม่นยำ ซึ่งระยะห่างระหว่างรูนี้เราเรียกกันว่า Dot Pitch ซึ่งในรูนี้จะมีสารประกอบของฟอสฟอรัสวางเรียงกันอยู่เป็น 3 จุด 3 มุม โดยแต่ละจุดจะเป็นสีของแม่สีนั้นก็คือ สีแดง สีเขียว และสีน้ำเงิน ซึ่งแต่ละจุดนี้เราเรียกว่า Triad ในส่วนของจอแบบ Trinitron นั้นจะมีการทำงานที่เหมือนกันแต่ต่างกันที่ ไม่ได้ใช้โลหะเป็นรูแต่จะใช้ โลหะที่เป็นเส้นเล็กๆ ขึงพาดไปตาม แนวตั้ง เพื่อที่จะให้อิเล็คตรอนนั้นตกกระทบกับผิวจอที่มีสารประกอบของฟอสฟอรัสได้ มากขึ้น แต่ว่าก็ยังมีข้อจำกัดทางด้านขนาดของการแสดงผล จึงทำให้มีการพัฒนาหลอดภาพแบบ Trinitron ขึ้นในปัจจุบันนี่ได้มีการพัฒนาให้มีความแบนราบมากขึ้นซึ่งจอแบบนี้จะเรียก กันว่า FD Trinitron (Flat Display Trinitron) ซึ่งมาแทนที่หลอดภาพแบบ CRT ในที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น